Kaizen มีประโยชน์ในการทำงานมากกว่าที่คุณคิด

เคยคิดสงสัยกันบ้างมั้ยครับว่า…ปัญหารอบๆ ตัวของเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นจากการใช้ชีวิตประจำวันก็ดีหรือจะเป็นช่วงกำลังทำงานก็ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาให้เราได้ขบคิดหาทางแก้ไขได้ทั้งสิ้น และสิ่งที่มักจะเกิดจากความคิดง่ายๆ แก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ อย่างมีหลักการนั้น…สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เกินคาดเลยหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาท่านผู้อ่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “KAIZEN” และไปดูกันสิครับว่า “Kaizen มีประโยชน์ในการทำงานมากกว่าที่คุณคิด” อย่างไรกันบ้างครับ แล้วท่านจะตกใจว่า ทำเพียงเล็กน้อยก็สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ได้เช่นกันครับ

KAIZEN คืออะไร?

Kaizen เป็นแนวคิดที่นำมาใช้ในการบริหารการจัดการการอย่างมีประสิทธิผล โดยมุ่งเน้นที่การมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน ร่วมกันแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ หัวใจสำคัญอยู่ที่ต้องมี การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด (Continuous Improvement)

ทำไมต้องทำ Kaizen

ความสำคัญในกระบวนการของ Kaizen คือ การใช้ความรู้ความสามารถของพนักงานมาคิดปรับปรุงงาน โดยใช้การลงทุนเพียงเล็กน้อย ซึ่งก่อให้เกิดการปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อยที่ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงข้ามกับแนวคิดของ Innovation หรือ นวัตกรรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ที่ต้องใช้เทคโนโลยีซับซ้อนระดับสูง ด้วยเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบใด เราก็สามารถใช้วิธีการ Kaizen เพื่อปรับปรุงได้ โดยหลักๆ แล้วจะใช้หลักการ PDCA เป็นเครื่องมือย่อยในการหาวิธีและวางแผนการแก้ไขเป็นหลักนั้นเองครับ

หลักในการทำ Kaizen ที่ดีเป็นอย่างไร?

1. เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันด้วย “Visual Management” หรือ “MIERUKA” ก่อนที่จะเริ่มไคเซ็น (KAIZEN) หรือปรับปรุงสิ่งใดก็ตามให้ดีขึ้นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าระบบหรือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงนั้นอยู่ในสภาพแบบไหน ถือเป็นขั้นตอนแรกในการเริ่มต้น โดยการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันแบบ “Visual Management” หรือ “MIERUKA” นั้นนับเป็นหลักการสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องในงานนั้น ๆ เข้าใจภาพรวม และสภาพการณ์ปัจจุบันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะสามารถมองหาจุดอ่อน หรือข้อด้อยในแต่ละกระบวนการเพื่อแก้ไขได้

2. สร้างมาตรฐาน (Standardization) เพราะเมื่อเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันและรู้แล้วว่าส่วนที่จำเป็นจะต้องปรับปรุงหรือ ไคเซ็น (KAIZEN) คือส่วนไหนแล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการปรับปรุงขั้นตอนหรือรูปแบบของสิ่งนั้นๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นก็คือการสร้างมาตรฐานใหม่ (Standardization) นั่นเอง โดยการสร้างมาตรฐานในขั้นตอนนี้จะรวมการสร้างมาตรฐานทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน คุณภาพของผลลัพธ์ และทรัพยากร

3. ถ่ายทอดมาตรฐานใหม่ด้วยการทำคู่มือ (Manualize) เพราะหลังจากได้วิธีการหรือรูปแบบการทำงานที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปรับปรุง หรือ ไคเซ็น (KAIZEN) จนกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่จึงต้องสื่อสารให้เข้าใจตรงกันทั่วถึงทั้งองค์กรครับ

ประโยชน์ของการทำ Kaizen

●การทำ Kaizen ช่วยเพิ่มผลผลิตของการทำงาน ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ / การบริการให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้น
●ลดของเสียที่ได้จากการผลิตให้น้อยที่สุดและยังสามารถประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการจัดการ
●ลดต้นทุนของการทำงาน ปรับปรุงความปลอดภัยให้เพิ่มมากขึ้น
●เพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าที่ใช้บริการ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “Kaizen มีประโยชน์ในการทำงานมากกว่าที่คุณคิด” ที่เราได้นำมาฝากท่านผู้อ่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นความรู้และประโยชน์ที่ดีสำหรับทุกๆ ท่านกันไม่มากก็น้อยกันนะครับ สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกๆ ท่านได้ลองคิดลองทำ Kaizen กันดูสักหน่อยครับแล้วจะติดใจเล้ยย

Previous Post
Next Post