ประกันรถยนต์ 2+ ราคาเท่าไหร่ และต่างกับประกันรถยนต์ชั้น 1 อย่างไร

การทำประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์เกิดความสบายใจได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้ขับขี่จะไม่ได้รับหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหายเอง เพราะประกันจะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้แทน แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประกันรถยนต์ก็ต้องรู้จัก ประกันชั้น 1 กันบ่อยมากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วประกันนั้นมีอีกหลายประเภทเลย หนึ่งในนั้นก็คือ ประกันชั้น 2+ ซึ่งประกันทั้งสองนั้นมีความคุ้มครองที่คล้ายกัน และมีราคาที่ต่างกัน แล้ว ประกันรถยนต์ 2+ ราคาเท่าไหร่ ต่างกับชั้น 1 มากไหม และคุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง ในบทความนี้จะบอกให้ได้เข้าใจกัน

ประกันรถยนต์ 2+ ราคาเท่าไหร่ และให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง

ประกันชั้น 2+ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองรองลงมาจากประกันชั้น 1 โดยจะให้การคุ้มครองในส่วนของรถผู้เอาประกัน และรถของคู่กรณี โดยจะต้องเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนรถเท่านั้น ไม่นับถึงเรื่องการชนอย่างอื่น และจะให้ความคุ้มครองในเรื่องของรถที่ได้รับความเสียหายจากการโดนไฟไหม้ และสูญหายด้วย แต่ทั้งนี้หากว่ารถได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือน้ำท่วม ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ นอกจากนั้นยังให้ความคุ้มครองเรื่องค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกัน คู่กรณี และผู้โดยสารของทั้งสองคันด้วย ซึ่งประกันรถยนต์ 2+ ราคาเริ่มต้นที่ 7,300 บาท 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาเท่าไหร่ และคุ้มครองเรื่องอะไร

เมื่อถามถึงประกันภัยรถยนต์ที่ให้การคุ้มครองมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ประกันรถยนต์ชั้น 1 นั่นเอง โดยให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดเมื่อเทียบกับประกันชั้นอื่น ๆ โดยจะให้ความคุ้มครองในเรื่องของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เอาประกัน คู่กรณี และผู้โดยสาร อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินทั้งของผู้เอาประกัน และคู่กรณีด้วย นอกจากนั้นหากว่ารถได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือสูญหายก็จะได้รับการคุ้มครองเช่นกัน รวมถึงการชนที่เกิดขึ้นแบบไม่มีคู่กรณีก็จะได้รับการคุ้มครองด้วย ซึ่งประกันชั้น 1 จะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 16,400 บาท

จากที่กล่าวมานี้ก็จะเป็นได้ว่า ประกันทั้งสองประเภทนั้นให้ความคุ้มครองที่ต่างกัน และประกันรถยนต์ 2+ ราคาก็ไม่เท่ากับประกันชั้น 1 ด้วย เนื่องจากว่าจะจ่ายถูกกว่าประกันชั้น 1 ซึ่งราคาที่ต้องจ่ายก็ถือว่าต่างกันมากทีเดียว ทั้งนี้การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ และความต้องการของผู้ซื้อว่าต้องการประกันแบบไหน และต้องการประกันที่ราคาเท่าไหร่ถึงจะจ่ายไหว อย่างไรแล้วก็พยายามเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองจะดีที่สุด

Previous Post
Next Post